อายุการใช้งานถังพ่นยาแบบแบตเตอรี่ จริงๆแล้วใช้งานได้ค่อนข้างนาน ถ้าเรามีวิธีที่จะดูแล ถังพ่นยา อย่างถูกวิธี
- น้ำสะอาดควรเติมน้ำสะอาด หรือถ้าหาไม่ได้ควรใส่ตะแกรงกรองน้ำเสมอ เมื่อเติมน้ำ เนื่องจากน้ำที่เราใช้จะต้องผ่านปั๊มมอเตอร์ซึ่งมีขนาดเล็ก ถ้าเราใช้น้ำไม่สะอาด จะทำให้เศษดินเข้าไปสะสมอยู่ในปั๊มทำให้ปั๊มพัง หรือแรงดันน้ำลดลง
- เก็บไว้ในที่ร่ม ถังพ่นยาแบตเตอรี่ เป็นพลาสติก ถ้าโดนแดดนานๆ จะทำให้พลาสติกกรอบได้ ตัวถังพ่นยา "ไม่มีอะไหล่จำหน่ายในตลาดขณะนี้"
- บีบอีกครั้งหลักเลิกใช้ หลักจากปิดสวิตซ์แล้วจะยังมีน้ำที่ผสมสารเคมีค้างอยู่ในระบบ ให้ทำการกำมือบีบอีกครั้งเกษตรกรจะเห็นน้ำพ่นออกมาจากหัวฉีดอีกเล็กน้อย
- ฉีดยาผง ให้ล้างถังทุกครั้งด้วยน้ำเปล่า หลังใช้งาน เนื่องจากส่วนใหญ่เกษตรกรมักจะละลายยาผงไม่ดี หรือบางครั้งเหลือยาค้างถังพ่นยาแบตเตอรี่ ยาผงเหล่านี้จะเป็นตะกอนค้างอยู่ในปั๊ม เป็นสาเหตุหลักที่ส่งผลให้ปั๊มมอเตอร์ทำงานพัง ควรจะใช้น้ำเปล่าล้างถังและฉีดพ่นด้วยน้ำเปล่าทุกครั้งหลังใช้งานเพื่อไม่ให้เกิดตะกอนในระบบ
- ห้ามลืมปิดสวิตซ์ อาจจะฟังดูเป็นเรื่องตลก แต่เป็นปัญหาที่เราพบมาก เนื่องจากใช้งานเครื่องพ่นยาแบตเตอรี่ไปนานๆ ไฟที่บอกสถานะมักจะเสีย และบางครั้งถ้าเปิดสวิตซ์ทิ้งไว้แต่ไม่กำมือบีบ มักจะไม่ได้ยินเสียงปั๊มมอเตอร์ทำงาน เกษตรกรบางท่านถึงขนาดไปเสียบชาร์จไว้ข้ามคืน นั่นส่งผลให้ปั๊มทำงานตลอดเวลาและไหม้ในที่สุด
- ถนอมแบตเพื่อการใช้งานที่ยาวนาน ถังพ่นยาไฟฟ้าใช้แบตเตอรี่ เป็นแบตแห้งแบบที่ใช้กับรถยนต์/มอเตอร์ไซค์ เพราะฉะนั้นจะมีอายุการใช้งาน 2-3 ปี ถ้าดูแลรักษาอย่างถูกต้องดังนี้
- ซื้อมาใหม่ ชาร์จก่อนใช้ 8 ชม.
- ชาร์จทุกครั้ง 3-4 ชม. ก็พอ ไม่จำเป็นต้องข้ามคืน
- ไม่ควรปล่อยให้แบตหมดเกลี้ยง ถึงไม่ได้ใช้งานก็ควรหมั่น ชาร์จไฟ ไม่ปล่อยให้แบตหมด